แพลไมรา
แพลไมรา * | |
---|---|
แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก | |
ประเทศ | ซีเรีย |
ภูมิภาค ** | รัฐอาหรับ |
ประเภท | วัฒนธรรม |
เกณฑ์พิจารณา | i, ii, iv |
อ้างอิง | 20 |
ประวัติการขึ้นทะเบียน | |
ขึ้นทะเบียน | พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) (คณะกรรมการสมัยที่ 4) |
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก |
ซากปรักหักพังแห่งแพลไมราในปีค.ศ.2010 | |
ชื่ออื่น | ตัดมุร |
---|---|
ที่ตั้ง | ตัดมุร, เขตการปกครองฮอมส์, ซีเรีย |
ภูมิภาค | ทะเลทรายซีเรีย |
พิกัด | 34°33′05″N 38°16′05″E / 34.55139°N 38.26806°E |
ประเภท | ที่อยู่อาศัย |
ส่วนหนึ่งของ | จักรวรรดิพาลไมรีน |
พื้นที่ | 80 ha (200 เอเคอร์) |
ความเป็นมา | |
สร้าง | สหัสวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล |
ละทิ้ง | ค.ศ. 1932 |
สมัย | ยุคสัมฤทธิ์ตอนกลาง จนถึงปัจจุบัน |
วัฒนธรรม | แอราเมอิก, อาหรับ, กรีก-โรมัน |
หมายเหตุเกี่ยวกับสถานที่ | |
สภาพ | พังทลาย |
ผู้ถือกรรมสิทธิ์ | สาธารณะ |
ผู้บริหารจัดการ | กระทรางวัฒนธรรมซีเรีย |
การเปิดให้เข้าชม | ไม่สามารถเข้าถึง (ในเขตสงคราม) |
ชื่อที่ขึ้นทะเบียน | Site of Palmyra |
ประเภท | วัฒนธรรม |
เกณฑ์ | i, ii, iv |
ขึ้นเมื่อ | 1980 (4th Session) |
เลขอ้างอิง | 23 |
Region | รัฐอาหรับ |
เสี่ยง | ค.ศ. 2013 –ปัจจุบัน. |
แพลไมรา (อังกฤษ: Palmyra, ออกเสียง: /ˌpælˈmaɪrə/) หรือ ตัดมุร (อาหรับ: تدمر, Tadmor) เป็นนครเซมิติกโบราณในเขตผู้ว่าราชการฮอมส์ ประเทศซีเรียปัจจุบัน การค้นพบทางโบราณคดีย้อนไปถึงยุคหินใหม่และมีบันทึกนครครั้งแรกในต้นสหัสวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล แพลไมราเปลี่ยนมือหลายโอกาสระหว่างจักรวรรดิต่าง ๆ ก่อนมาอยู่ในบังคับของจักรวรรดิโรมันในคริสต์ศตวรรษที่ 1
นครมีความมั่งคั่งจากคาราวานการค้า ชาวนครแพลไมรา ซึ่งเป็นพ่อค้าขึ้นชื่อ สถาปนาอาณานิคมตามเส้นทางสายไหมและดำเนินการทั่วจักรวรรดิโรมัน ความมั่งคั่งของแพลไมราทำให้สามารถสร้างโครงการมหึมาต่าง ๆ ได้ เช่น แนวเสาหินใหญ่ (Great Colonnade), วิหารเบล และสุสานหอคอยเด่น ชาวนครแพลไมราเป็นการผสมของชาวแอมะไรต์ (Amorites) แอมาเรียน (Arameans) และอาหรับ โครงสร้างสังคมของนครเป็นแบบชนเผ่า และผู้อยู่อาศัยพูดภาษาแพลไมรีน (ภาษาถิ่นของภาษาแอราเมอิก) ภาษากรีกใช้เพื่อความมุ่งหมายพาณิชย์และการทูต วัฒนธรรมของแพลไมราซึ่งได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมกรีก-โรมัน ผลิตศิลปะและสถาปัตยกรรมโดดเด่นซึ่งรวมประเพณีตะวันออกและตะวันตก ผู้อยู่อาศัยของนครบูชาเทพเจ้าท้องถิ่นและเทพเจ้าเมโสโปเตเมียและอาหรับ
เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 3 แพลไมราเป็นศูนย์กลางภูมิภาครุ่งเรืองที่ถึงจุดสูงสุดของอำนาจในคริสต์ทศวรรษ 260 เมื่อพระมหากษัตริย์แพลไมรา โอเดนาธัส (Odaenathus) ทรงพิชิตจักรพรรดิเปอร์เซีย ซาปูร์ที่ 1 จากนั้นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน พระราชินีเซโนเบีย (Zenobia) สืบราชบัลลังก์ ผู้กบฏต่อโรมและสถาปนาจักรวรรดิพาลไมรีน ใน ค.ศ. 273 จักรพรรดิโรมัน ออเรเลียน (Aurelian) ทรงทำลายนครและภายหลังมีการฟื้นฟูในรัชกาลไดโอคลีเชียน แต่มีขนาดเล็กลง ชาวแพลไมรีนเข้ารีตศาสนาคริสต์ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 4 และอิสลามในครึ่งหลังของคริสต์สหัสวรรษที่ 1 ซึ่งภาษาแพลไมรีนและกรีกถูกภาษาอาหรับเข้าแทนที่
ก่อน ค.ศ. 273 แพลไมรามีอัตตาณัติและขึ้นกับจังหวัดซีเรียของโรมัน โดยมีการจัดระเบียบการเมืองที่ได้รับอิทธิพลจากแบบจำลองนครรัฐกรีกระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 1–2 นครกลายเป็นโคโลเนียของโรมันระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 3 นำไปสู่การรวมสถาบันปกครองของโรมัน ก่อนกลายเป็นราชาธิปไตยใน ค.ศ. 260 ให้หลังการทำลายใน ค.ศ. 273 แพลไมรากลายเป็นศูนย์กลางขนาดเล็กภายใต้จักรวรรดิไบแซนไทน์และจักรวรรดิต่อ ๆ มา การถูกตีมูร์ทำลายใน ค.ศ. 1400 ลดขนาดลงเหลือหมู่บ้านเล็ก ๆ ภายใต้การปกครองของอาณัติฝรั่งเศส ใน ค.ศ. 1932 ผู้อยู่อาศัยถูกย้ายไปหมู่บ้านใหม่ ทัดมูร์ (Tadmur) และแหล่งโบราณสามารถขุดค้นได้ ใน ค.ศ. 2015 แพลไมราอยู่ในการควบคุมของรัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์ (ISIL) ซึ่งต่อมาทำลายอาคารจำนวนหนึ่งของแหล่งนี้ ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2016 กำลังซีเรีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย ผลักเข้านครและยึดนครคืนจาก ISIL ได้สำเร็จ[1][2]
อ้างอิง
- ↑ "Fighting intensifies as Syrian troops storm ISIS-held ancient city of Palmyra". Fox News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2016-03-24. สืบค้นเมื่อ 2016-03-27.
- ↑ "Syrian army retakes Palmyra from ISIS". RT International (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2016-03-27.