ข้ามไปเนื้อหา

เฉินหลง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ยังเบอร์บาฮาเกีย ดาตุก
เฉินหลง
เฉินหลงในงานเปิดตัว โคตรใหญ่ฟัดเหล็ก เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2016
สมาชิกสภาที่ปรึกษาทางการเมืองประชาชนจีน
ดำรงตำแหน่ง
มีนาคม ค.ศ. 2013 – มีนาคม ค.ศ. 2023
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด
เฉิน กั่งเซิง (陳港生)[1][2]

(1954-04-07) 7 เมษายน ค.ศ. 1954 (70 ปี)
บริติชฮ่องกง
คู่สมรสหลิน ฟ่งเจียว (สมรส 1982)
บุตร2 คน, รวมเจย์ซี ชาน
อาชีพ
  • นักศิลปะป้องกันตัว
  • นักแสดง
  • ผู้สร้างภาพยนตร์
  • นักออกแบบท่าเต้น
  • นักร้อง
  • ผู้กำกับการแสดง
  • นักแสดงผาดโผน
รางวัลรายการทั้งหมด
เว็บไซต์jackiechan.com
อาชีพทางดนตรี
แนวเพลง
ช่วงปีค.ศ. 1962–ปัจจุบัน
ชื่อเกิด
อักษรจีนตัวเต็ม陳港生
อักษรจีนตัวย่อ陈港生
ความหมายตามตัวอักษรเฉิน เกิดจาก[ฮ่อง]กง
ชื่อบทเวที
อักษรจีนตัวเต็ม成龍
อักษรจีนตัวย่อ成龙
ความหมายตามตัวอักษรกลายเป็นมังกร
ชื่อจริง
อักษรจีนตัวเต็ม房仕龍
อักษรจีนตัวย่อ房仕龙

เฉิน กั่งเซิง (จีนตัวย่อ: 陈港生; จีนตัวเต็ม: 陳港生; พินอิน: Chén Gǎngshēng), แจ็กกี ชาน (อักษรโรมัน: Jackie Chan) ในไทยเป็นที่รู้จักในชื่อ เฉินหลง (จีนตัวย่อ: 成龙; จีนตัวเต็ม: 成龍; พินอิน: Chéng Lóng; เกิด 7 เมษายน ค.ศ. 1954) เป็นนักแสดง ผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้ สตันต์แมน นักเขียนบท ผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้อำนวยการสร้าง และนักร้องชาวฮ่องกง

เขาเป็นนักการกุศล เป็นผู้มีชื่อเสียงใจบุญที่สุดหนึ่งในสิบของโลก[3][4]ในปี 2015 นิตยสารฟอบส์ได้ประเมินทรัพย์สินของเขาอยู่ที่ 350 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 10,896 ล้านบาท) และในปี 2016 เขาเป็นนักแสดงชายที่มีรายได้สูงสุดเป็นอันดับสองของโลกอีกด้วย[5][6]

ประวัติ

[แก้]

ชีวิตช่วงแรก

[แก้]
เฉินหลงถ่ายกับพ่อตอนเด็ก

เฉินหลงเกิดวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2497 ที่วิกตอเรียพีค ฮ่องกง (อังกฤษ:Victoria Peak ; จีน : 太平山 หรือ 扯旗山) ในฮ่องกง มีชื่อจริงว่า เฉิน กั่งเซิง (陳港生) หรือหมายความว่า "เกิดที่ฮ่องกง" พ่อของเฉินหลงชื่อ เฉิน จื้อผิง (陳志平) แม่ชื่อ เฉิน ลี่ลี่ (陳莉莉) เดิมอยู่เมืองจีน แต่หนีออกมาอยู่ฮ่องกงสมัยสงครามกลางเมือง ตอนเด็ก ๆ พ่อแม่ตั้งชื่อเล่นให้อย่างน่ารักน่าเอ็นดูว่า "เพ่าเพ่า" หรือ "ลูกระเบิด" เพราะชอบนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเบาะ เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน เขาเกือบถูกพ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้าขายให้แก่หมออังกฤษในราคาแค่ 26 เหรียญ แต่แล้วพ่อแม่ของเขาก็ได้ล้มเลิกความคิดนั้น

พ่อของเขาทำงานเป็น "พ่อครัว" แม่ทำงานเป็น "แม่บ้าน" ให้แก่เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสในฮ่องกง เฉินหลงก็เติบโตมาในสถานทูต เมื่ออายุถึงเกณฑ์ก็เข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนหนานหัว

เมื่อเฉินหลงอายุได้ 7 ขวบ พ่อก็ส่งเขาเข้าโรงเรียนอุปรากรจีน โดยที่ตัวของพ่อกับแม่นั้นต้องไปทำงานเป็นพ่อครัวกับแม่บ้านที่สถานทูตในออสเตรเลีย และที่โรงเรียนนั้นเองที่ทำให้เฉินหลงได้เรียนรู้ชีวิตที่โดดเดี่ยว เพราะเขาต้องห่างครอบครัวเป็นเวลานาน แต่ที่นั่นก็ทำให้เฉินหลงได้พบเพื่อนร่วมสาบานอย่าง หงจินเป่า และ หยวนเปียว

เมื่อครั้งเฉินหลงอายุ 9 ขวบ ได้มีโอกาสมาใช้ชีวิตอยู่ในเยาวราชถึง 2 ปี อาศัยอยู่หลังโรงงิ้วเก่า ในวัยเด็กได้เรียนมวยไทยกับคุณลุงแก่ ๆ ขาเป๋ คอยสอนมวยไทยให้ ดังนั้นเฉินหลงจึงมีความผูกพันกับคนไทยมาก[7]

เฉินหลงเรียนจบเมื่ออายุ 17 ปี เขาได้ไปสมัครเข้าร่วมทีมสตันท์ในวงการหนังฮ่องกงในช่วงที่ บรู๊ซ ลี ยังมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อ บรู๊ซ ลี เสียชีวิต เฉินหลงต้องตกงานเพราะวงการหนังกังฟูฮ่องกง กำลังอยู่ในช่วงตกต่ำ

ตกต่ำ

[แก้]

ความสามารถเฉินหลงเกิดไปสะดุดตาผู้สร้างหนังอย่าง หลอเหว่ย ผู้กำกับหนัง Fist of Fury (ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง) ของบรู๊ซ ลี โดยเขาต้องการปั้นดารากังฟูขึ้นมาแทนบรู๊ซ ลี โดยเฉินหลงได้แสดงหนังในตอนนั้นทั้งหมด 10 เรื่อง ได้แก่ New Fist of Fury (มังกรหนุ่มคะนองเลือด) (1976) Shaolin Wooden Men (ถล่ม 20 มนุษย์ไม้) (1976) Eagle Shadow Fist (1977) Half a Loaf of Kung Fu (ไอ้หนุ่มหมัดคัน) (1977) Killer Meteors (ไอ้ดาวหางจอมเพชรฆาต) (1977) To Kill with Intrigue (นางพญาหลั่งเลือดสะท้านภพ) (1977) Snake and Crane Arts of Shaolin (ไอ้หนุ่มหมัดทะเล้น) (1978) Magnificent Bodyguards (ศึกมันทะลุฟ้า) (1978) Spiritual Kung Fu (ไอ้หนุ่มพันมือ ตอน 2) (1978) และ Dragon Fist (เฉินหลง สู้ตาย) (1978) โดยทั้งหมดนี้ไม่ประสบความสำเร็จเลยแม้แต่เรื่องเดียว

ประสบความสำเร็จ

[แก้]
Drunken Master (1978)

ปี 1978 เมื่อเฉินหลงนำแสดงหนังให้แก่ Seasonal Film เรื่อง Snake in the Eagle's Shadow (ไอ้หนุ่มพันมือ ,1978) หนังกังฟู-คอมาดี้ ทำให้ชื่อของเฉินหลง กลายเป็นดาราดังเพียงช่วงข้ามคืน เพราะสามารถทำเงินอย่างมหาศาลในฮ่องกงและเอเชีย จากนั้นเฉินหลงก็ได้นำแสดงใน Drunken Master (ไอ้หนุ่มหมัดเมา ,1978) โดยเฉพาะเรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะประสบความสำเร็จในฮ่องกงเท่านั้น แต่ยังประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายทั่วเอเชีย และเป็นกระแสไปทั่วโลกในยุคนั้น ทำให้เฉินหลงมีสไตล์หนังเป็นของตัวเองอย่างชัดเจน คือ กังฟู-คอมาดี้ (Kung fu-comedy) จนเป็นภาพลักษณ์ของเขา และพัฒนาต่อเนื่องเป็นแนว แอ๊คชั่น-คอมาดี้ (Action-comedy) ในเวลาต่อมา

เมื่อเฉินหลงหมดสัญญากับหลอเหว่ย เขาก็มุ่งหน้าไปที่สังกัดค่ายโกลเดนฮาร์เวสต์ (Golden Harvest) ซึ่งในอดีตบรู๊ซ ลี เคยเป็นดาราประจำของค่ายนี้ โดยที่สิทธิการทำหนังในค่ายนี้ เฉินหลงเป็นคนสามารถเลือกเองได้ ผลงานเรื่องแรกในค่ายนี้คือเรื่อง The Young Master (ไอ้มังกรหมัดสิงโต ,1980) ซึ่งสามารถทำรายได้ 10 ล้านเหรียญฮ่องกงเป็นเรื่องแรก จากนั้นหลังจากนั้นเฉินหลงก็ได้กลับมาทำหนังในฮ่องกงกับร่วมกับ 2 สหายอย่าง หงจินเป่า และ หยวนเปียว โดยผลงานที่ทั้งสามได้แสดงด้วยกันมี 6 เรื่อง คือ Winners and Sinners (มือปราบจมูกหิน ,1983) Project A (เอไกหว่า ,1984) Wheels on Meals (ขาตั้งสู้ ,1984) My Lucky Stars (7เพชรฆาตสัญชาติฮ้อ ,1985) Twinkle Twinkle Lucky Stars (ขอน่า อย่าซ่าส์ ,1986) และ Dragons Forever (มังกรหนวดทอง ,1988) เป็นเรื่องสุดท้าย แต่เรื่อง Heart of Dragon (2พี่น้องตระกูลบึ้ก ,1985) เฉินหลงกับหงจินเป่าแสดง แต่หยวนเปียวอยู่ในส่วนกำกับคิวบู๊

เฉินหลง กลับมาประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดอีกครั้งและโดดเด่นไปทั่วโลก ในหนังประเภท แอ๊คชั่น - สตั้นแมน - โชว์ฉากเสี่ยงตาย (Action/Stunt) ที่เขาเป็นผู้คิดค้นขึ้นมาเอง ในเรื่อง Police Story (วิ่งสู้ฟัด ,1985) โดยเรื่องนี้ทำให้เฉินหลงได้รับรางวัลตุ๊กตาทองฮ่องกง ถึง 2 รางวัล คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ ออกแบบฉากต่อสู้ยอดเยี่ยม จากนั้นหนังของเฉินหลงเป็นที่ยอมรับทั่วเอเชียและทั่วโลกเกือบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Armour of God (ใหญ่สั่งมาเกิด ,1987) Police Story 2 (วิ่งสู้ฟัด 2 ,1988) Miracles (ฉีจี้ ,1989) Armour of God II: Operation Condor (ใหญ่สั่งมาเกิด 2 ตอน อินทรีทะเลทราย ,1991) Police Story 3: Supercop (วิ่งสู้ฟัด 3 ,1992) City Hunter (ใหญ่ไม่ใหญ่ ข้าก็ใหญ่ ,1993) Crime Story (วิ่งสู้ฟัด ภาคพิเศษ ,1993) และตำนานไอ้หนุ่มหมัดเมา Drunken Master II (ไอ้หนุ่มหมัดเมา 2 ,1994) ซึ่งเรื่องนี้เฉินหลงได้ร่วมงานกับ หลิว เจียงเหลียง อีกครั้งหนึ่ง จากนั้นเฉินหลงก็มีหนังท็อปฟอร์มหลายเรื่องในเวลาต่อมา เช่น Thunderbolt (เร็วฟ้าผ่า ,1995) Police Story 4: First Strike (ใหญ่ฟัดโลก 2 ,1996) Mr. Nice Guy (ใหญ่ทับใหญ่ ,1997) และ Who Am I? (ใหญ่เต็มฟัด ,1998)

ฮอลลีวูด

[แก้]

เฉินหลงก็มีโอกาสไปแสดงหนังฮอลลีวู้ดเป็นครั้งแรกในหนังพีเรียด - กังฟู เรื่อง The Big Brawl (ไอ้มังกรถล่มปฐพี) (1980) (ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Battle Creek Brawl) ผลลัพธ์ที่ได้คือ ไม่ประสบความสำเร็จเลย จากนั้นเขาก็แสดงเป็นตัวประกอบในหนังแนว Road Movie อย่าง Cannonball Run (เหาะแล้วซิ่ง) (1981) และ Cannonball Run 2 (1982) เรียกได้ว่าการไปเล่นหนังฮอลลีวู้ดของเขานั้น ล้มเหลวไม่เป็นท่า และเรื่องที่ 4 อย่าง The Protector (กูกู๋ปืนเค็ม) (1985) ซึ่งก็ล้มเหลวอีกครั้ง

การไปเปิดตลาดอเมริกาครั้งที่สอง ของเฉินหลงก็เป็นผล เมื่อ Rumble in the Bronx (ใหญ่ฟัดโลก ,1995) สามารถเปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิสของอเมริกาเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1996 สามารถทำรายได้ตลอดการฉายถึง 32.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การแสดงหนังฮอลลีวู้ดของเฉินหลงในรอบหลายปีก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเฉินหลงนำแสดงใน Rush Hour (คู่ใหญ่ฟัดเต็มสปีด ,1998) ที่นำแสดงคู่กับ คริส ทักเกอร์ หนังประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยสามารถทำรายได้ในบ็อกซ์ออฟฟิสถึง 141.1 ล้านเหรียญ และ 244.3 จากทั่วโลก จากนั้นเฉินหลงก็มีโอกาสเล่นหนังทั้งในฮ่องกงและอเมริกาสลับกันหลายๆ ครั้ง เช่น Gorgeous (เบ่งหัวใจฟัดให้ใหญ่ ,1999) Shanghai Noon (คู่ใหญ่ฟัดข้ามโลก ,2000) The Accidental Spy (วิ่งระเบิดฟัด ,2001) และเฉินหลงก็กลับมาเล่นหนังภาคต่ออย่าง Rush Hour 2 (คู่ใหญ่ฟัดเต็มสปีด 2 ,2001) The Tuxedo (สวมรอยพยัคฆ์พิทักษ์โลก ,2002) และ Shanghai Knights (คู่ใหญ่ฟัดทลายโลก ,2003) ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเหมือนเคย

แต่ผลงานอย่าง Around The World in 80 Days (80วัน จารกรรมฟัดข้ามโลก) (2004) ที่เฉินหลงร่วมแสดงกับ สตีฟ คูแกน และ ซีซิล เดอ ฟรานซ์ ประสบความล้มเหลวในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก โดยทำเงินทั่วโลกไปเพียงแค่ 72.1 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

หลังจากนั้นอีก 3 ปี เฉินหลงก็กลับมาร่วมงานกับ แบร็ท แร็ตเนอร์ และ คริส ทักเกอร์ อีกครั้ง ใน Rush Hour 3 (คู่ใหญ่ฟัดเต็มสปีด 3 ,2007) โดยทิ้งห่างจากภาคที่แล้วถึง 6 ปี และก็ยังทำเงินในอเมริกาถึง 140.1 ล้านUSD และ 255 ล้านUSD จากทั่วโลก

ปี 2008 เฉินหลงนำแสดงร่วมกับ เจท ลี ในภาพยนตร์กำลังภายใน - แฟนตาซี เรื่อง The Forbidden Kingdom (หนึ่งฟัดหนึ่ง ใหญ่ต่อใหญ่ ,2008) โดยเป็นการร่วมกันครั้งแรกของทั้งคู่ และในปีเดียวกันเฉินหลงยังให้เสียงตัวการ์ตูน "Master Monkey" ในเรื่อง Kung Fu Panda (2008) ของ ดรีมเวิร์กส์ แอนนิเมชั่น โดยมีผู้ร่วมให้เสียง เช่น แจ็ค แบล็ค, ดัสติน ฮอฟแมน, แองเจลิน่า โจลี่ และ ลูซี่ ลิว

เฉินหลงนำแสดงในหนังแอ็คชั่น - คอมเมดี้ เรื่อง The Spy Next Door (วิ่งขโยงฟัด) (2010) โดยรับบทเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่ต้องมาต่อสู้กับเหล่าสายลับมากฝีมือ หลังจากที่เหล่าเด็กๆ ดูแลดันเกิดโหลดข้อมูลลับขององค์กรแห่งหนึ่ง และ Kung Fu Kid งานรีเมคจากอดีตหนังดังอย่าง The Karate Kid (2010) แสดงร่วมกับ จาเดน สมิธ ลูกชายของนักแสดงชื่อดัง วิล สมิธ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่งในบ๊อกซ์ออฟฟิศ และทำไปกว่า 170 ล้านเหรียญในสหรัฐ

งาน

[แก้]

JCE Movies Limited

[แก้]
JCE Movies Limited

หลังจากร่วมงานกับทาง Golden Harvest มานานร่วม 20 กว่าปี ในปี 2003 เฉินหลงจึงตัดสินใจเดินออกจาก Golden Harvest และมาเปิดบริษัทของตัวเองในนาม JCE Movies Limited (Jackie Chan Emperor Movies Limited) โดยอยู่ในเครือของบริษัท Emperor Multimedia Group (EMG) บริษัทสื่อบันเทิงยักษ์ใหญ่ในฮ่องกง

ซึ่งตัวของเฉินหลงเองเป็นทั้งผู้สร้างและนำแสดงในหนังของตนเอง หนังของเขาเรื่องแรกในนามบริษัทนี้ คือ The Medallion (ฟัดอมตะ) (2003) และหลังจากนั้นก็มีผลงานทำเงินต่อเนื่องอย่าง New Police Story (วิ่งสู้ฟัด 5 เหิรสู้ฟัด) (2004), The Myth (ดาบทะลุฟ้า ฟัดทะลุเวลา) (2005) และ Rob-B-Hood (วิ่งกระเตงฟัด) (2006)

ปี 2009 เฉินหลงนำแสดงภาพยนตร์แนวดราม่าเรื่อง The Shinjuku Incident (ใหญ่แค้นเดือด) (2009) ผลงานของ เอ๋อตงเซิน โดยเรื่องนี้เป็นผลงานดราม่าเต็มรูปแบบครั้งแรกของเฉินหลง

ช่วงหลัง ๆ มานี้เฉินหลงมีผลงานการแสดงกับต่างชาติน้อยลง เขาเริ่มที่จะกลับมาทำหนังในฮ่องกงอีกครั้ง ซึ่งหนังเรื่องที่ 100 ของเขาคือ 1911 (ใหญ่ผ่าใหญ่) , Chinese Zodiac หรือภาคต่อของหนังสุดมันส์อย่าง Armour Of God : Chinese Zodiac มีชื่อไทยเรียกว่า "ใหญ่สั่งมาเกิด 3" (สหมงคลฟิล์มเจ้าของหนังตั้งชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ใหม่ว่า วิ่ง・ปล้น・ฟัด)[8]

ผลงานในยุค JCE

  • The Medallion (ฟัดอมตะ) (2003)
  • Rice Rhapsody (2004)
  • Enter the Phoenix (ใหญ่นะยะ) (2004) [รับเชิญ]
  • New Police Story (วิ่งสู้ฟัด 5 เหิรสู้ฟัด) (2004)
  • House of Fury (2005)
  • Everlasting Regret (2005)
  • The Myth (ดาบทะลุฟ้า ฟัดทะลุเวลา) (2005)
  • Rob-B-Hood (วิ่งกระเตงฟัด) (2006)
  • Run Papa Run (2008)
  • Wushu (2008)
  • "Shenmue Online (VG) (2008)
  • The Shinjuku Incident (ใหญ่แค้นเดือด) (2009)
  • "Armour Of God : Chinese Zodiac

นักร้อง

[แก้]

เฉินหลงเป็นคนที่ชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ เฉินหลงเคยชิมลางร้องเพลงประกอบในหนังเรื่อง The Young Master (1980) ในเพลงที่มีชื่อว่า "Kung Fu Fighting Man" ซึ่งเป็นเพลงภาษาอังกฤษเพลงแรกในชีวิตของเขา

และในปี 1984 เฉินหลงเปิดตัวในฐานะศิลปินกับอัลบั้มแรกที่มีชื่อชุดว่า Love Me โดยมีเพลงฮิตในชื่อเดียวกับอัลบั้ม ซึ่งประสบความสำเร็จพอสมควร และหลังจากนั้นเขาก็มีผลงานอัลบั้มเพลงกว่า 20 ชุด โดยเป็นอัลบั้มเดี่ยว 11 ชุด อัลบั้มรวมฮิต 9 อัลบั้ม อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ 12 ชุด (ร่วมร้อง) และร่วมร้องกับศิลปินอื่น ๆ อีกมากมาย

อัลบั้มเพลงเดี่ยวล่าสุดของเขาคือชุด Truely, With All My Heart ในปี 2002 และมีเพลงฮิตในชื่อเดียวกับอัลบั้ม

Music Albums
  • Love Me (1984)
  • Do Je (1985)
  • The Boy's Life (1985)
  • Shangri La (1986)
  • Sing Lung (1986)
  • Mou Man Tai (1987)
  • HK, My Love (1988)
  • Jackie Chan (1988)
  • The Best Of Jackie Chan (1988)
  • See You Again - The Best of Jackie Chan II (1989)
  • Jackie (1989)
  • The First Time (1992)
  • The Best of Film Music (1995)
  • Jackie Chan (1995)
  • Giant Feelings (90s)
  • Dragon's Heart (1996)
  • The Best Of Jackie Chan (1999)
  • Asian Pops Gold Series (2000)
  • Rock Hong Kong 10th Anniversary - Jackie Chan Greatest Hits (2003)
Movie Soundtrack LP's & CD's
  • Armour of God (Alan Tam - 1986)
  • Police Story 3 (1992)
  • Drunken Master 2 (1994)
  • Thunderbolt (1995)
  • Mr. Nice Guy (1997)
  • Who Am I (1998)
  • Mulan - Chinese OST (1998)
  • Gorgeous (1999)
  • Rush Hour - Asian OST (1998)
  • Accidental Spy (2001)
  • New Police Story (2004)
  • The Myth (2005)
  • Rob-B-Hood (2006)
Jackie Chan : My Stunts (1999)

สารคดี

[แก้]

เฉินหลงได้สร้างงานสารคดีเกี่ยวกับชีวิตของตัวเขาเองถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกเขาสร้างงานสารคดีเกี่ยวกับชีวประวัติตัวเองในชื่อชุด Jackie Chan : My Story (1998) เนื้อหาเกี่ยวกับความเป็นมาของชีวิตตั้งแต่เกิดจนถึงจุดที่เฉินหลงประสบความสำเร็จจนทุกวันนี้ ซึ่งมีแขกรับเชิญต่าง ๆ มากมาย อาทิ หงจินเป่า หยาง จื่อฉยง และอื่น ๆ อีกมากมาย

ครั้งที่สองใช้ชื่อชุดว่า Jackie Chan : My Stunts (เฉินหลง ท้าตายสไตล์ผม) (1999) โดยเนื้อหาในนี้เกี่ยวงานแอ๊คชั่นของเฉินหลง ซึ่งเป็นเคล็ดลับสำหรับคนที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับงานสตันท์ได้เป็นอย่างดี

และครั้งล่าสุดใช้ชื่อชุดว่า Traces of a Dragon : Jackie Chan & His Lost Family (2003) ซึ่งว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของพ่อเฉินหลง ซึ่งเนื้อหาจะมีเรื่องของสภาพสังคมในประเทศจีนในสมัยของพ่อเฉินหลง

เฉินหลงมีส่วนร่วมในสารคดีเรื่อง An Alan Smithee Film: Burn Hollywood Burn (1998) โดยเฉินหลงรับบทเป็นตัวของเฉินหลงจริง ๆ หนังว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับผู้กำกับ ที่ทำหนังไม่เคยประสบความสำเร็จเลย แต่หนังก็สามารถคว้ารางวัล Razzie Awards (รางวัลหนังยอดแย่) ไปครองถึง 5 ตัว

ธุรกิจส่วนตัว

[แก้]

เฉินหลงนอกจากจะทำงานในวงการบันเทิงแล้ว เขายังมีธุรกิจส่วนตัวอย่างร้านอาหาร Jackie's Kitchen ที่มีสาขา ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลี และอีกหลายสาขาในทั่วโลก Jackie Chan Cafe ที่มีสาขาทั้งจีน, มาเลเซีย และสิงคโปร์ รวมถึงธุรกิจฟิตเนสที่มีชื่อว่า California Fitness Jackie Chan Sport Club และล่าสุดได้เปิดเว็บไซต์อย่าง JackieChanDesign.com ที่รวบรวมขายสินค้าของเขาทางอินเทอร์เน็ต นับตั้งแต่โปสเตอร์, เสื้อผ้า, ของตกแต่งบ้าน จนกระทั่งแสตมป์ และมีสาขาต่างประเทศคืออังกฤษและรัสเซีย

เฉินหลงในรูปแบบอื่น

[แก้]

วิดีโอเกม

[แก้]
Jackie Chan's Action Kung Fu

เฉินหลงในปัจจุบันเป็นดาราแอคชั่นระดับโลกไปแล้ว ดังนั้นบริษัทเกมทั้งหลายจึงอยากจะนำรูปลักษณ์ของเฉินหลงไปเป็นตัวละครในเกม เดิมทีเฉินหลงเคยถูกนำไปเป็นแบบตัวละครในเกม Jackie Chan's Action Kung Fu ในปี 1991 โดยบริษัท Hudson Soft

ปี 1995 เฉินหลงก็ถูกเอาไปสร้างเป็นเกมตู้ในเกมที่มีชื่อว่า Jackie Chan In Fists Of Fire สร้างโดย Kaneko

ปี 2000 เครื่องเล่นเกมเพลย์สเตชันก็เอาเฉินหลงไปเป็นตัวละครในเกม Jackie Chan Stuntmaster ซึ่งผลิตโดย Radical Entertainment ซึ่งเป็นเกมรูปแบบ 3D

และล่าสุดกับเกม Jackie Chan Advertures ในปี 2004 โดยอิงจากตัวละครในการ์ตูน Jackie Chan Adventures โดยจัดจำหน่ายในรูปแบบเครื่องเกมบอยแอดวานซ์ และ เกมเพลย์สเตชัน 2 โดยบริษัท Atomic Planet ในเครือของ Sony โดยอิงเนื้อเรื่องของการ์ตูนในช่วง Season 1 และ 2

การ์ตูน

[แก้]

Jackie Chan Adventures เป็นชื่อของการ์ตูนที่เอาคาแรคเตอร์ของเฉินหลงไปสร้างเป็นตัวละครหลักของเรื่อง โดยการสร้างสรรค์ของจอห์น โรเจอร์ ผ่านการออกแบบตัวละครโดย เจฟฟ์ มัสสุดะ ออกฉายทางช่อง Cartoon Network สร้างโดย Kids' WB ออกอากาศตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน ปี 2000 ถึง 8 กรกฎาคม ปี 2005 ทั้งหมด 95 ตอน ภายใน 5 Season และเคยออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3 เวลา 06.00 ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ปี 2544 - 2545

แรงบันดาลใจ

[แก้]
ฮาร์โรลด์ ลอยด์

"แรงบันดาลใจของเฉินหลงไม่ใช่บรู๊ซลี" เฉินหลงเคยบอกว่าเขาไม่ต้องการจะเป็นบรู๊ซลีคนที่ 2 แต่เขาต้องการต่างออกไปจากตัวของบรู๊ซลี เฉินหลงจึงผสมผสานงานของเขาให้ออกมาในแบบที่ไม่รุนแรง ซึ่งงานของบรู๊ซลีมักจะเป็นในรูปแบบที่จริงจัง หนักหน่วง ภาพยนตร์ของเฉินหลงเป็นในรูปแบบกังฟูสมัยใหม่ผสมกับความตลก ซึ่งแรงบันดาลใจมาจากดาราตลกเงียบ 3 คน อันได้แก่

  1. ชาร์ลี แชปลิน ในส่วนนี้เฉินหลงได้แรงบันดาลใจมากจากการแสดงหน้า ท่าทาง
  2. ฮาร์โรลด์ ลอยด์ เฉินหลงได้ไอเดียจากการแสดงฉากหัวเราะในเวลาที่สถานการณ์ขับขัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คืองานของเฉินหลงในเรื่อง เอไกหว่า หรือ Project A (เอไกหว่า)(1984) ในฉากตกหอนาฬิกา โดยเหมือนกันทุก ๆ อย่าง ต่างกันที่เฉินหลงเลือกที่จะตกลงมาจากความสูงจริง ๆ แต่ฮาร์โรลด์ ลอยด์ ใช้ความสูงที่ต่างจากเฉินหลง
  3. บัสเตอร์ คีตัน เฉินหลงได้ไอเดียของการแสดงตลกหน้าตาย ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดอีกคือ ฉากที่ฝาบ้านในเรื่อง Project A Part II (เอไกหว่า ภาค2)(1987) ตกลงมาใส่ตัวของเฉินหลง แต่เฉินหลงกลับอยู่ในจุดที่ตรงกับประตูของฝาบ้าน จึงทำให้เฉินหลงไม่เป็นอะไร ซึ่งคล้ายกับฉาก Steamboat Bill Jr. (เรือกลไฟวิลลี่)(1928) ของบัสเตอร์ คีตัน

ฉากเสี่ยงตายและอุบัติเหตุ

[แก้]

เฉินหลงได้จัดตั้งทีมงานสตั๊นท์ของตนเองโดยใช้ชื่อว่า Jackie Chan Stunt Team (หรืออีกชื่อ Jackie Chan's Stuntmen Association) ซึ่งเฉินหลงตั้งทีมนี้ในปี 1983 โดยทำงานในการออกแบบท่าทางและสร้างสรรค์ฉากแอ็คชั่นในหนังของเฉินหลง โดยแรกเริ่มมีสมาชิกเพียง 6 คน จากนั้นก็มีคนที่เข้ามาเป็นสมาชิกในทีมนับสิบกว่า ทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติ ซึ่งทีมของเฉินหลงยังประสานงานร่วมกันกับทีมของ หงจินเป่า และ หยวนเปียว ด้วย โดยใช้ชื่อว่า Hung Ga Ban และ Yuen Ga Ban ตามลำดับ

การเกิดอุบัติเหตุก็ดูว่าจะเป็นของคู่กันกับการแสดงฉากเสี่ยงตายของเฉินหลง ซึ่งบาดแผลจากอุบัติเหตุของเฉินหลงนั้นมีมากมายจนนับไม่ถ้วน แต่ครั้งที่ร้ายแรงที่สุดก็คือในหนังเรื่อง Armour of God (1987) : ใหญ่สั่งมาเกิด โดยในฉากแรกของหนังที่เฉินหลงจะต้องกระโดดจากตึกแล้วมาเกาะต้นไม้ แต่ในการถ่ายทำครั้งแรกเฉินหลงรู้สึกไม่ดีพอเลยต้องการถ่ายใหม่ แต่การถ่ายครั้งที่สองต้นไม้ที่เฉินหลงเกาะนั้นเกิดหัก ทำให้เฉินหลงตกลงมาในความสูงที่พอสมควร ผลก็คือ กะโหลกศีรษะของเฉินหลงร้าว ทำให้ต้องมีการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน แต่ในที่สุดเฉินหลงก็รอดมาได้ ทว่าหูของเขาได้รับความกระทบกระเทือนพอสมควร จึงทำให้ประสิทธิภาพในการได้ยินลดลง

ครอบครัว

[แก้]

เฉินหลงเคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่งกับ หลิน ฟ่งเจียว นักแสดงชาวไต้หวัน เมื่อปี 1982 มีลูกด้วยกัน 1 คน คือ เจย์ซี ชาน (ชื่อแรกเกิด เฉิน จู่หมิง) ปัจจุบันแยกกันอยู่ แต่เมื่อปี 1999 หนังสือพิมพ์ในฮ่องกงต่างพาดหัวข่าวว่า "เฉินหลงทำผู้หญิงท้อง" ปรากฏภายหลังว่าผู้หญิงคนดังกล่าวคือ อู๋ ฉี่ลี่ อดีตมิสเอเชียปี 1990 โดยปัจจุบันเฉินหลงมีลูกสาวที่เกิดกับอู๋ ฉี่ลี่ อีก 1 คน คือเอ็ตต้า อู๋ (อู๋จั้วหลิน) วีซี ลูกสาวเฉินหลง

เฉินหลงนับถือศาสนาพุทธ[9][10] ใน ค.ศ. 2009 เฉินหลงได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยกัมพูชา[11][12]

เฉินหลงและเหล่าหมี

[แก้]

ตอนที่เฉินหลงมากรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "80 วันรอบโลก" เขาได้รู้จักกับ United Buddy Bears ในตอนนั้น มีเหล่าหมี Buddy Bears อยู่ทั่วทุกจุดในกรุงเบอร์ลิน เฉินหลงอยากรู้สาเหตุของเหล่าหมีที่มีสีสันสดใสว่าเป็นเพื่อสิ่งใด จึงทำการค้นคว้าข้อมูล เขาได้ทราบว่าเหล่าหมีคือผลงานสร้างสรรค์ของชาวเบอร์ลินนี่เอง คือเคลาส์และเอวา เฮอร์ลิทซ์ เขารับรู้ว่ามีสารที่มาพร้อมกับเหล่าหมีนั้น คือสารที่ตัวเขาเองทำหน้าที่อย่างหนักหน่วงเพื่อเผยแพร่ด้วยเช่นกัน คือ "เราต้องอยู่ด้วยกันอย่างสามัคคีและสันติ" และเขาก็ได้ทราบอีกว่า Buddy Bears ดำเนินการร่วมสมทบทุนเพื่อการกุศล เฉินหลงสนใจใน Buddy Bears มากและร่วมเป็นผู้ดำเนินการประสานนำวง United Circle of Buddy Bears สู่ฮ่องกงเมื่อปี 2004

เกียรติประวัติและภาพลักษณ์

[แก้]
Chan's star on the Avenue of Stars, Hong Kong

ด้านเกียรติประวัติ เฉินหลงได้รับรางวัลมาแล้วทั่วโลก โดยเขาได้รับรางวัล Innovator Award ในเวที American Choreography Awards ในปี 2002, รางวัล Lifetime Achievement Award เวที Asia-Pacific Film Festival ในปี 1993 MTV Movie Award ปี 1995 และ Taurus Honorary Award ปี 2002 และอื่น ๆ อีกมากมาย

และเฉินหลงเป็นดาราคนที่ 2, 205 ที่ได้มาประทับฝ่ามือไว้เป็นเกียรติประวัติที่ Star on the Walk of Fame และ The Avenue of Stars ที่ฮ่องกง

ด้านภาพลักษณ์ วง Ash's แต่งเพลง "Kung Fu" โดยใช้เฉินหลงในหนัง Rumble In The Bronx (1995) ไปอ้างอิงในเนื้อเพลงและได้ใช้เป็นเพลงเครดิตตอนท้ายของหนังในเรื่องนี้ของเวอร์ชันอเมริกา และ "Jackie Chan" ของวง Frank Chickens

และเฉินหลงยังเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างตัวการ์ตูนตัวหนึ่งใน ดราก้อนบอล, ตัวละคร Lei Wulong ใน Tekken และท่าทางของตัวละคร Hitmonchan ของ โปเกมอน รวมทั้งเป็นพรีเซ็นเตอร์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ดีมายาวนาน และมิตซูบิชิยังมอบรถเพื่อใช้ในการถ่ายทำหนังของเขามาโดยตลอด นอกจากนี้ เฉินหลง ยังเคยรับบทเป็น ซาเอบะ เรียว และ ชุนลีในภาพยนตร์เรื่อง ซิตี้ฮันเตอร์ (CITY HUNTER) มาแล้วด้วยเช่นกัน

ปี 2016 เฉินหลง ได้รับรางวัลออสการ์เกียรติยศ ครั้งที่ 8 Honorary Award ในงาน Governors Awards หรือ Oscar ประจำปีที่สหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นเกียรติให้กับการทำงานในวงการบันเทิงมากว่า 56 ปี ฝากผลงานภาพยนตร์มากกว่า 200 เรื่อง [13]

ผลงานภาพยนตร์

[แก้]

การกุศล

[แก้]
เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์กับเฉินหลงที่งานประชุมการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายแห่งลอนดอน ที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา (12 กุมภาพันธ์ 2014)

เฉินหลงเป็นเอกอัครราชทูตความปรารถนาดีของกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF Goodwill Ambassador) และได้ส่งเสริมช่วยเหลืองานกุศลต่าง ๆ เขาได้รณรงค์ให้รักษาสิ่งแวดล้อม ต่อต้านการทารุณสัตว์ ได้โปรโมตเพื่อบรรเทาอุทกภัยในจีนแผ่นดินใหญ่ กับบรรเทาภัยเนื่องกับแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย พ.ศ. 2547[14][15][16]

ในเดือนมิถุนายน 2006 เมื่ออ้างความชื่นชมในงานของวอร์เรน บัฟเฟตต์และบิล เกตส์เพื่อช่วยเหลือคนที่จำเป็น เฉินหลงได้สัญญาว่าจะบริจาคทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตนเพื่อการกุศลเมื่อเสียชีวิต[17] ซึ่งโดยปี 2015 เขามีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 10,896 ล้านบาท

วันที่ 10 มีนาคม 2008 เฉินหลงเป็นแขกผู้มีเกียรติในงานตัดโบว์ "ศูนย์วิทยาศาสตร์แจ๊กกี้ชาน" โดยนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเควิน รัดด์ ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย เฉินหลงยังเป็นผู้สนับสนุนและเป็นเอกอัครราชทูตของมูลนิธิสงวนเสือจีน (Save China's Tigers) ซึ่งมุ่งสงวนพันธุ์เสือโคร่งจีนใต้โดยการผสมพันธุ์และปล่อยเสือกลับเข้าป่า[18]

หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมณฑลเสฉวน พ.ศ. 2551 เขาได้บริจาคทรัพย์ 10 ล้านหยวนเพื่อช่วยคนที่จำเป็น นอกจากนั้น เขายังวางแผนเพื่อถ่ายหนังเกี่ยวกับแผ่นดินไหวในจีนสำหรับหาเงินช่วยเหลือผู้รอดชีวิต[19]

เมื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554 เขาและเพื่อนผู้มีชื่อเสียงต่าง ๆ ที่อยู่ในฮ่องกง ได้จัดงานคอนเสิร์ตการกุศลพิเศษ 3 ชม. ชื่อว่า Artistes 311 Love Beyond Borders เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2011 เพื่อช่วยงานฟื้นฟูสภาพภัยพิบัติของญี่ปุ่น[20][21] ซึ่งได้เงินช่วยเหลือถึง 3.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 103 ล้านบาท)[22]

ในเดือนมกราคม 2017 เฉินหลงได้บริจาคทรัพย์ 65,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.3 ล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือยผู้ประสบภัยในเหตุการณ์อุทกภัยทางภาคใต้ของประเทศไทยปี พ.ศ. 2560[23]

เขาได้จัดตั้งมูลนิธิการกุศลแจ๊กกี้ชานในปี 1988 เพื่อให้ทุนการศึกษาและการช่วยเหลือแก่เยาวชนฮ่องกง และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติหรือความเจ็บป่วย[4] ในปี 2005 เขาได้จัดตั้งมูลนิธิหัวใจมังกร (Dragon's Heart Foundation) เพื่อช่วยเด็ก ๆ และผู้ชราในเขตชนบทของประเทศจีนด้วยการสร้างโรงเรียน ให้หนังสือ ค่าธรรมเนียม และชุดนักเรียนแก่เด็ก องค์กรได้ขยายงานไปถึงยุโรปในปี 2011[24][25] มูลนิธิยังบริจาคของช่วยเหลือต่าง ๆ ให้แก่ผู้ชรา รวมทั้งเสื้อผ้า เก้าอี้รถเข็นเป็นต้นอีกด้วย

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Biography". Jackie Chan's Website. สืบค้นเมื่อ 22 January 2021.
  2. Yang, Jeff (17 January 2013). "Why Did Jackie Chan Body Slam America?". The Wall Street Journal. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-21.
  3. "Jackie Chan & the business of philanthropy | Lifestyle Business | Philippine Star". philstar.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-01-13. สืบค้นเมื่อ 2018-03-27.
  4. 4.0 4.1 Ron Gluckman (2011-06-22). "Jackie Chan: Philanthropy's Hardest Working Man". Forbes. สืบค้นเมื่อ 2014-03-09.
  5. Mandle, Chris (2015-08-04). "Jackie Chan in second place in Forbes' Highest Paid Actors list after magazine includes actors working outside US movie industry". The Independent.{{cite news}}: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  6. "Jackie Chan is Named the Second Highest-Paid Actor in the World! - WORLD OF BUZZ". www.worldofbuzz.com.
  7. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 2012-12-24.
  8. http://www.kornang.com/news-other/7.html
  9. Gus Leous (4 March 2003). "Jackie Chan: A short biography!". Newsfinder.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-17. สืบค้นเมื่อ 1 March 2012.
  10. "Famous Buddhists, Famous Adherents of Buddhism". Adherents.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-03. สืบค้นเมื่อ 1 March 2012.
  11. "Jackie visits the University of Cambodia". jackiechan.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-03-27. สืบค้นเมื่อ 1 March 2012.
  12. "Press Release". Phnom: University of Cambodia. 10 November 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-09-05. สืบค้นเมื่อ 1 March 2012.
  13. https://www.youtube.com/watch?v=rLQ1V_H7vh4
  14. "Jackie Chan Battles Illegal Wildlife Trade". Celebrity Values. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-13. สืบค้นเมื่อ 2012-02-28.
  15. "Jackie Chan Urges China to 'Have a Heart' for Dogs". PETA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-09-03. สืบค้นเมื่อ 2012-03-01.
  16. "UNICEF People: Jackie Chan: Goodwill Ambassador". UNICEF. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-08-16. สืบค้นเมื่อ 2012-03-01.
  17. "Jackie Chan looks to bequeath half of wealth". The Financial Express. Reuters. 2006-06-29. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-06-02. สืบค้นเมื่อ 2012-03-01.
  18. "Save China's Tigers: Patrons and Supporters". SaveChina'Tigers.org. 2008-08-22. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-25. สืบค้นเมื่อ 2012-03-01.
  19. "Jackie Chan plans China earthquake movie". thaindian.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-05-24. สืบค้นเมื่อ 2011-03-17.
  20. "Japan Earthquake Song Music Video". Jackiechan.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-10. สืบค้นเมื่อ 2012-03-01.
  21. "Jackie Chan and HK celebrities to raise funds for quake victims in Japan". Xinhua News Agency. 2011-03-25. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-01-02. สืบค้นเมื่อ 2012-03-01.
  22. Chu, Karen (2011-04-04). "Jackie Chan Raises $3.3 Million in Three Hours for Japan Relief (Exclusive)". The Hollywood Reporter. สืบค้นเมื่อ 2012-03-01.
  23. "Jackie Chan donates 2.3mil baht to flood victims". The Nation. 2017-01-24. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-02-02. สืบค้นเมื่อ 2017-01-25.
  24. "JC Dragon's Heart Europe & Sanjuro Martial Arts". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-09-21.
  25. Cavallaro, Albert (2014-08-05). "Celebrities Making a Difference, Part II". BORGEN Magazine. The Borgen Project. สืบค้นเมื่อ 2015-08-21.

อ่านเพิ่ม

[แก้]
  • Boose, Thorsten; Oettel, Silke. Hongkong, meine Liebe – Ein spezieller Reiseführer. Shaker Media, 2009. ISBN 978-3-86858-255-0 (ในภาษาเยอรมัน)
  • Boose, Thorsten. Der deutsche Jackie Chan Filmführer. Shaker Media, 2008. ISBN 978-3-86858-102-7 (ในภาษาเยอรมัน)
  • Chan, Jackie, and Jeff Yang. I Am Jackie Chan: My Life in Action. New York: Ballantine Books, 1999. ISBN 0-345-42913-3. Jackie Chan's autobiography.
  • Cooper, Richard, and Mike Leeder. 100% Jackie Chan: The Essential Companion. London: Titan Books, 2002. ISBN 1-84023-491-1.
  • Cooper, Richard. More 100% Jackie Chan: The Essential Companion Volume 2. London: Titan Books, 2004. ISBN 1-84023-888-7.
  • Corcoran, John. The Unauthorized Jackie Chan Encyclopedia: From Project A to Shanghai Noon and Beyond. Chicago: Contemporary Books, 2003. ISBN 0-07-138899-0.
  • Fox, Dan. Jackie Chan. Raintree Freestyle. Chicago, Ill.: Raintree, 2006. ISBN 1-4109-1659-6.
  • Gentry, Clyde. Jackie Chan: Inside the Dragon. Dallas, Tex.: Taylor Pub, 1997. ISBN 0-87833-962-0.
  • Le Blanc, Michelle, and Colin Odell. The Pocket Essential Jackie Chan. Pocket essentials. Harpenden: Pocket Essentials, 2000. ISBN 1-903047-10-2.
  • Major, Wade. Jackie Chan. New York: Metrobooks, 1999. ISBN 1-56799-863-1.
  • Moser, Leo. Made in Hong Kong: die Filme von Jackie Chan. Berlin: Schwarzkopf & Schwarzkopf, 2000. ISBN 3-89602-312-8. (ในภาษาเยอรมัน)
  • Poolos, Jamie. Jackie Chan. Martial Arts Masters. New York: Rosen Pub. Group, 2002. ISBN 0-8239-3518-3.
  • Rovin, Jeff, and Kathleen Tracy. The Essential Jackie Chan Sourcebook. New York: Pocket Books, 1997. ISBN 0-671-00843-9.
  • Stone, Amy. Jackie Chan. Today's Superstars: Entertainment. Milwaukee, Wis.: Gareth Stevens Pub, 2007. ISBN 0-8368-7648-2.
  • Witterstaetter, Renee. Dying for Action: The Life and Films of Jackie Chan. New York: Warner, 1998. ISBN 0-446-67296-3.
  • Wong, Curtis F., and John R. Little (eds.). Jackie Chan and the Superstars of Martial Arts. The Best of Inside Kung-Fu. Lincolnwood, Ill.: McGraw-Hill, 1998. ISBN 0-8092-2837-8.
  • Jackie Chan and Zhu Mo Never Grow Up 2018 ISBN 978-7539981697. Jackie Chan's autobiography.
  • Berger, Christian. Der echte Jackie Chan (The real Jackie Chan). Weiz: Selbstverlag, 2019, (in German).
  • Berger, Christian. Fantastic Movie Concepts for Jackie Chan. Weiz, Austria: Self-published, 2021.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]