ไข้เวสต์ไนล์
ไข้เวสต์ไนล์ | |
---|---|
ไวรัสเวสต์ไนล์ | |
สาขาวิชา | โรคติดเชื้อ |
อาการ | ไร้อาการ, ไข้, ปวดศีรษะ, อาเจียนหรือท้องร่วง และผื่นปวดกล้ามเนื้อ[1] |
ภาวะแทรกซ้อน | สมองอักเสบ, เยื่อหุ้มสมองอักเสบ[1] |
การตั้งต้น | 2–14 วันหลังติดเชื้อ[1] |
ระยะดำเนินโรค | หลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน[1] |
สาเหตุ | ไวรัสเวสต์ไนล์ แพร่กระจายโดยยุง[1] |
วิธีวินิจฉัย | อิงจากอาการและตรวจเลือด[1] |
การป้องกัน | ลดจำนวนยุง, ป้องกันมิให้ยุงกัด[1] |
การรักษา | การรักษาตามอาการ (การรักษาอาการปวด)[1] |
พยากรณ์โรค | 10% เสี่ยงต่อการเสียชีวิตในรายที่มีอาการรุนแรง[1] |
ไข้เวสต์ไนล์ (อังกฤษ: West Nile fever) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสเวสต์ไนล์ที่แพร่กระจายโดยยุง[1] ผู้ติดเชื้อประมาณ 80% มีอาการเล็กน้อยหรือไร้อาการ[2] ผู้ติดเชื้อประมาณ 20% มีไข้ ปวดศีรษะ อาเจียน และมีผื่น[1] ผู้ติดเชื้อน้อยกว่า 1% มีภาวะสมองอักเสบหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ร่วมกับอาการคอแข็ง สับสน และชัก[1] ผู้ป่วยอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนในการฟื้นตัว[1] ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่ระบบประสาทได้รับผลกระทบอยู่ที่ประมาณ 10%[1]
ไวรัสเวสต์ไนล์มักแพร่กระจายโดยยุงที่ได้รับเชื้อจากนกที่เป็นตัวเก็บเชื้อธรรมชาติ[1] การติดเชื้อผ่านการถ่ายเลือด การปลูกถ่ายอวัยวะ การติดต่อจากแม่สู่ลูกระหว่างตั้งครรภ์ การคลอด และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่พบได้น้อย[1] จึงไม่ได้ติดต่อจากคนสู่คนโดยตรง[3] ผู้ป่วยที่อายุเกิน 60 ปีและมีปัญหาสุขภาพอื่นมีความเสี่ยงอาการรุนแรง[1] การวินิจฉัยมักใช้การสอบถามอาการและตรวจเลือด[1]
ยังไม่มีวัคซีนสำหรับรักษาไข้เวสต์ไนล์ในมนุษย์[1] วิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงติดเชื้อคือลดโอกาสการถูกยุงกัด[1] การลดจำนวนยุงทำได้ด้วยการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงที่เป็นน้ำนิ่ง เช่น ในยางรถยนต์เก่า ถังน้ำ หรือสระว่ายน้ำ[1] รวมถึงการใช้สารขับไล่แมลง มุ้งลวด และมุ้ง[1][3] ไม่มีวิธีจำเพาะในการรักษา มีการใช้ยาระงับปวดในการลดอาการ[1]
ไวรัสเวสต์ไนล์ถูกค้นพบในประเทศยูกันดาในปี ค.ศ. 1937 และถูกตรวจพบครั้งแรกในอเมริกาเหนือในปี ค.ศ. 1999[1][3] ไวรัสเวสต์ไนล์ยังพบในทวีปยุโรป แอฟริกา เอเชีย และออสเตรเลีย[1] มีรายงานผู้ป่วยหลายพันรายต่อปีในสหรัฐ โดยพบมากในเดือนสิงหาคมและกันยายน[4] ไข้เวสต์ไนล์สามารถเกิดเป็นโรคระบาดได้[3] อาการโรครุนแรงอาจพบได้ในม้าซึ่งมีวัคซีนรักษา[3] ระบบเฝ้าระวังฝูงนกมีประโยชน์ในการสืบหาโอกาสการระบาดในมนุษย์ในขั้นต้น[3]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.00 1.01 1.02 1.03 1.04 1.05 1.06 1.07 1.08 1.09 1.10 1.11 1.12 1.13 1.14 1.15 1.16 1.17 1.18 1.19 1.20 1.21 1.22 1.23 1.24 "General Questions About West Nile Virus". www.cdc.gov (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 19 October 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 October 2017. สืบค้นเมื่อ 26 October 2017.
- ↑ "Symptoms, Diagnosis, & Treatment". www.cdc.gov (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 15 January 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 October 2017. สืบค้นเมื่อ 15 January 2019.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 "West Nile virus". World Health Organization. July 2011. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 October 2017. สืบค้นเมื่อ 28 October 2017.
- ↑ "Final Cumulative Maps and Data | West Nile Virus | CDC". www.cdc.gov (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 24 October 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 October 2017. สืบค้นเมื่อ 28 October 2017.