ยูทาห์มอนอลิธ
ยูทาห์มอนอลิธ | |
---|---|
มอนอลิธ | |
ตำแหน่งที่พบมอนอลิธ | |
ศิลปิน | ไม่ทราบ |
ปี | 2016 |
ประเภท | แท่งโลหะ |
สื่อ | อะลูมิเนียม (สมมติฐาน) |
มิติ | 291 เซนติเมตร × 58 เซนติเมตร × 58 เซนติเมตร (114.5 in × 23.0 in × 23.0 in)[1] |
สภาพ | ไม่ทราบ (สูญหาย) |
สถานที่ | แอ่งล็อกฮาร์ท ซานฮวนเคาน์ที รัฐยูทาห์, สหรัฐอเมริกา; 17 ไมล์ (27 กิโลเมตร) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมอแอบ |
38°20′35.08″N 109°39′58.26″W / 38.3430778°N 109.6661833°W |
ยูทาห์มอนอลิธ (อังกฤษ: Utah monolith) หรือ มอนอลิธทะเลทรายยูทาห์ (อังกฤษ: Utah desert monolith) หรือสื่อไทยนิยมเรียกว่า แท่งเหล็กปริศนาในทะเลทรายยูทาห์ เป็นแท่งโลหะที่ไม่ใช่แม่เหล็กที่ตั้งอยู่ในสลอทแคนยอนหินทราย ในซานฮวนเคาน์ทีตอนเหนือ รัฐยูทาห์ เป็นเวลาสี่ปี โครงสร้างสูง 9.5-ฟุต (3-เมตร) นี้สร้างขึ้นจากแผ่นโลหะนำมาย้ำเข้าด้วยกัน (riveted) เป็นรูปทรงปริซึมสามเหลี่ยม แท่งเหล็กนี้ถูกตั้งในที่ดินสาธารณะอย่างไม่เป็นไปตามกฎหมายตั้งแต่ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม 2016 ในเดือนพฤศจิกายน 2020 นักชีววิทยาของรัฐได้พบมันโดยบังเอิญระหว่างสำรวจพื้นที่หาแกะไวลด์บิ๊กฮอร์นทางเฮลิคอปเตอร์
ภายในไม่กี่วัน สาธารณชนก็พบแท่งมอนอลิธนี้ผ่านซอฟท์แวร์แผนที่ด้วยระบบจีพีเอส และบางส่วนได้เดินทางเข้าไปยังพื้นที่อันห่างไกลนั้น ตัวบุคคลและวัตถุประสงค์ของผู้สร้างมันขึ้นมายังเป็นปริศนาอยู่ ภายหลังสื่อจำนวนมากรายงานมอนอลิธนี้ มันได้ถูกถอนออกเพียงไม่กี่วันถัดมาโดยกลุ่มของชายนิรนามสี่คน[2][3]
ที่ตั้งและการประมาณอายุ
[แก้]มอนอลิธนี้ถูกฝังโดยบุคคล/กลุ่มบุคคลปริศนาลงไปในสลอทแคนยอนหินทรายแดงในแอ่งล็อคฮาร์ท (Lockhart Basin) ในที่ดินสาธารณะที่ถูกถอดถอนในปี 2017 จากอนุสรณ์แห่งชาติแบส์เอียส์ (เขตอนุรักษ์ของรัฐยูทาห์) โดยดอนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐในขณะนั้น[4][5] พื้นที่บริเวณนั้นไม่มีบริการใด ๆ ทั้งห้องน้ำ ที่จอดรถ ตลอดจนสัญญาณโทรศัพท์[6]
ตำแหน่งแน่นอนของมอนอลิธนั้นไม่ได้เปิดเผยโดย DPS เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่พยายามตามหามันต้องมาหลงทางกลางทะเลทราย[7] เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการประกาศดังกล่าว ผู้ใช้เรดดิต ทิม สเลน (Tim Slane) ได้ระบุวัตถุดังกล่าวพบบนกูเกิลเอิร์ธ[8] สเลนใช้การเปรียบเทียบเส้นทางการบินของเฮลิคอปเตอร์ของนักชีววิทยาประจำรัฐ กับภูมิลักษณะที่เป็นหินทรายสีขาวสลับแดงจากวิดีโอที่เจ้าหน้าที่เผยแพร่เอง สเลนเล่าให้กับ เดอะเวิร์จ ว่า "เขามีตัวช่วยเช่นความสูงของหุบเขา, แพทเทิร์นการกัดกร่อนของแคนยอน (ซึ่งบอกได้ว่าเป็นจุดที่ถูกกัดกร่อนมากกว่า) และพื้นที่เรียบ จะสามารถบอกได้ว่าพื้นที่นี้ไม่มีน้ำท่วมถึง (และฉะนั้น มันจึงน่าจะอยู่เหนือสันปันน้ำ)" จากการย้อนศึกษาจากภาพถ่ายดาวเทียมของกูเกิลเอิร์ธ พบว่ามอนอลิธนั้นถูกปักระหว่างเดือนสิงหาคม 2015 และตุลาคม 2016 นอกจากนี้ยังปรากฏว่าพุ่มไม้เตี้ยในบริเวณใกล้กันยังถูกถาง[9][10][11]
นักข่าวชาวดัตช์ นูสกา ดู ซาร์ (Nouska du Saar) ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านข่าวสารโอเพินซอร์ซได้ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมของมักซาร์ และสามารถกำหนดช่วงเวลาที่มอนอลิธนี้ถูกตั้งอยู่ที่ระหว่างวันที่ 7 กรกฎาคม 2016 และ 21 ตุลาคม 2016[12][13]
ภายใน 48 ชั่วโมงหลังการประกาศของ DPS สาธารณชนจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปยังจตำแหน่งของมอนอลิธและอัปโหลดภาพถ่ายและวิดีโอของมันขึ้นบนโซเชียลมีเดีย[14] ผู้ประกอบการท้องถิ่นเกรงว่าการแห่กันเข้ามาทางเท้านี้อาจมีผลกระทบต่อพื้นที่และโบราณวัตถุของชาวพื้นเมืองอเมริกัน[15]
สูญหาย
[แก้]หน่วย BLM ของรัฐบาลยูทาห์ระบุว่าได้รับการรายงานจากแหล่งที่น่าเชื่อถือว่ามอนอลิธนั้นถูกนำออกไปในเย็นวันที่ 27 พฤศจิกายน 2020 โดยบุคคลนิรนาม[16] สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่คือแผ่นรูปสามเหลี่ยมที่อาจจะเป็นบล็อกด้านบนหรือฐานของมัน บุคคลสองคนที่เดินทางไปยังตำแหน่งดังกล่าวใกล้เวลาเที่ยงคืน ริคคาร์โด มาริโน (Riccardo Marino) และเซียรา แวน เมเตอร์ (Sierra Van Meter) รายงานว่าทั้งคู่เห็นรถปิกอัปคันหนึ่งขนวัตถุดังกล่าว และขับออกจากพื้นที่เมื่อทั้งคู่ได้เดินไปเข้าใกล้[17][18][19][20]
หน่วยจัดการที่ดิน (Bureau of Land Management) ของยูทาห์ได้ประกาศอย่างเป็นทางการบนหน้าเฟสบุคเมื่อเวลา 17:39 ของวันที่ 28 พฤศจิกายน 2020[21]
เจ้าหน้าที่ตำรวจยูทาห์ชี้แจงว่าจะไม่มีการสืบสวนต่อกรณีดังกล่าว และสำนักเจ้าหน้าที่ประจำซานฮวนเคาน์ที (San Juan County Sheriff's Office) ระบุว่าไม่สามารถทุ่มเททรัพยากรไปกับการค้นหา[22] ถึงแม้ว่าจะมีการโพสท์ภาพ "หมายต้องการผู้ก่อเหตุ" บนหน้าเฟสบุค[23][2] อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 พฤศจิากยน 2020 ตัดสินใจกลับลำและวางแผนสอบสวนร่วมกับหน่วยบริหารที่ดินของรัฐ[2]
ดูเพิ่ม
[แก้]- ลีฟโนเทรซ (จากโดยไม่ทิ้งร่องรอย)
- มินิมอลิสม์
- ซีแอทเทิลมอนอลิธ
- งานศิลปะจำเพาะต่อสถานที่
- จริยธรรมเทรล
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Richards, Jeff (25 November 2020). "Mystery of metal monolith at least partly solved as sleuths figure out its location". Saint George News. สืบค้นเมื่อ 27 November 2020.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อNYT-20201201
- ↑ "Artist or aliens? Mystery surrounds Utah monolith's appearance and disappearance". NBC News. 2020-11-30. สืบค้นเมื่อ 2020-12-01.
- ↑ Maffly, Brian (November 24, 2020). "Mysterious shiny monolith found in otherworldly Utah desert". The Salt Lake Tribune. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 25, 2020. สืบค้นเมื่อ November 24, 2020.
- ↑ "Mysterious Utah monolith's creator remains a secret, but its location no longer is". The Mercury News. Bay Area News Group. November 27, 2020. สืบค้นเมื่อ November 29, 2020.
- ↑ "Monolith in Utah desert is gone". The Daily Sentinel. November 29, 2020. สืบค้นเมื่อ November 30, 2020.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อguardian-helicopter-pilot-finds-strange-monolith-in-remote-part-of-utah
- ↑ "Help me find this obelisk in remote Utah wilderness". Reddit. November 24, 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-30. สืบค้นเมื่อ November 30, 2020.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ Robertson, Adi (2020-11-24). "Even Utah's mysterious monolith may be no match for Google Earth". The Verge. สืบค้นเมื่อ 2020-11-25.
- ↑ Panecasio, Steph (November 25, 2020). "Mysterious monolith puzzle has been solved by internet sleuths". CNET. สืบค้นเมื่อ November 26, 2020.
- ↑ O'Donoghue, Amy Joi (November 25, 2020). "What will happen with mysterious shiny monolith found in otherworldly Utah desert?". Deseret News. สืบค้นเมื่อ November 29, 2020.
- ↑ "Un "mystérieux monolithe de métal" dans le désert de l'Utah: quand est-il apparu? Et qui a bien pu l'installer là?". RTBF. November 25, 2020. สืบค้นเมื่อ November 29, 2020.
- ↑ Jabłonowski, Krzysztof (November 25, 2020). "Jak odnaleźć metalowy monolit na pustyni, nie wychodząc z domu - potencjał geolokalizacji". TVN24. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-25. สืบค้นเมื่อ November 29, 2020.
- ↑ Ponniah, Kevin; Nagesh, Ashitha (27 November 2020). "Utah monolith: Internet sleuths got there, but its origins are still a mystery". BBC News. สืบค้นเมื่อ 27 November 2020.
- ↑ "Utah monolith already attracting crowds – locals worried about people's safety and damage to the land". 3 KSN. Nexstar. November 25, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 November 2020. สืบค้นเมื่อ November 25, 2020.
- ↑ Gardiner, Jennifer (November 28, 2020). "Mysterious Utah Monolith disappears". ABC4. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 November 2020. สืบค้นเมื่อ November 28, 2020.
- ↑ Pietsch, Bryan (November 29, 2020). "That Mysterious Monolith in the Utah Desert? It's Gone, Officials Say – The metal structure has been removed, Utah officials said on Saturday, adding that they had not taken it down". The New York Times. สืบค้นเมื่อ November 29, 2020.
- ↑ Rosenblatt, Kalhan (November 29, 2020). "Mysterious monolith in rural Utah has vanished, officials say – "We have received credible reports that the illegally installed structure, referred to as the 'monolith' has been removed," officials said in a statement". NBC News. สืบค้นเมื่อ November 29, 2020.
- ↑ Tabin, Sara; Maffly, Brian; Podmore, Zak (November 28, 2020). "Utah's desert obelisk has disappeared". The Salt Lake Tribune. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 November 2020. สืบค้นเมื่อ November 28, 2020.
- ↑ Evelyn, Kenya (29 November 2020). "Mystery metal monolith vanishes from Utah desert". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 29 November 2020.
- ↑ Alexander, Bryan. "Mysterious Utah monolith disappears from the desert, removed by 'unknown party'". USA TODAY (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2020-11-30.
- ↑ AP in Salt Lake City (30 November 2020). "Police will not investigate disappearance of Utah mystery monolith". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 30 November 2020.
- ↑ Staff (November 29, 2020). "Facebook - Utah San Juan County Sheriff's Office - "Most Wanted" Poster of "Suspects"". Facebook - Utah San Juan County Sheriff's Office. สืบค้นเมื่อ December 1, 2020.